“คุณพ่อแต๊กคือส่วนสำคัญของผม” – “บอส” กนกพล ปุษปาคม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแมตชปฐมฤกษ์ลีกสูงสุดของเมืองไทย หลายคนกำลังพูดถึงการล้มยักษ์ของเหล่า “มังกรโล่ห์เงิน” ทว่า 1 ในดาวเตะที่ถูกยกย่องว่ามีส่วนสำคัญอย่างมาก นอกจากฝาแฝด “อักษรศรี” ทั้ง “โชแปง-ทิตาวี” และ “ปาแปง-ทิตาธร” ก็คงจะเป็นลูกชายคนกลางของ “โค้ชแต๊ก”อรรถพล ปุษาปคม
“เจ้าบอส”เฉิดฉายอย่างมาก ในการเชื่อมเกมรับจากเซนเตอร์ฮาล์ฟและแบ็กทั้งสองฝั่ง ก่อนที่จะจ่ายบอลทั้งสั้น-ยาวอย่างแม่นยำ ไม่เพียงเท่านั้นยังต่อกรกับดาวเตะระดับทีมชาติของ “ปราสาทสายฟ้า”ได้อย่างไม่เกรงกลัว
กว่าดาวเตะวัย 20 ขวบจะมาถึงจุดนี้ เขาพบกับอะไรมาบ้าง เราพาไปดูกัน
หลังเรียนพร้อมกับเล่นฟุตบอลให้กับ กรุงเทพคริสเตียน ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 จนกระทั่งจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการเป็นรองแชมป์จตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 28 ก้าวสำคัญของ “เจ้าบอส” ก็เกิดขึ้น เมื่อ “หมอนีล” ณัฐษกรณ์ ทรงพรวาณิชย์ นักกายภาพสาวหน้าใสที่คอยประคบประหงมนักกีฬาในสังกัด “ชงโคสีม่วง” แนะนำให้เขาลองไปทดสอบฝีเท้ากับ โปลิศ เทโร เอฟซี เมื่อ 2 ปีก่อน
ในเวลานั้นเขาเองได้เจอกับรุ่นพี่ที่เขารู้จักดีอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่ “คุณพ่อแต๊ก”อรรถพล ปุษปาคม เป็นเทรนเนอร์ให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็น “โค้ชอ้น”รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กุนซือใหญ่ และ “โค้ชเปิ้ล”อภิเชษฐ์ พุฒตาล ผู้ช่วยโค้ชที่อยู่ในทีม บี แต่ว่าเขาเองก็ใช้ฝีเท้าของตัวเองในการไล่ล่าหาความฝัน
“ตอนที่พี่หมอนีลแนะนำผม ผมเองก็ลองไปทันทีเพราะผมเองก็รู้จักกับพี่อ้น และพี่เปิ้ล มาตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อยังทำงานที่บุรีรัมย์ รวมทั้งลูกชายของพี่อ้น (น้องไนกี้) ก็เรียนที่กรุงเทพคริสเตียน แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างมืออาชีพ ผมเองก็ได้รับสัญญาจากทางสโมสรในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายใน ที 4 ปิดพอดี หลังเทสต์มาได้ 1 อาทิตย์พอดี”
ที 4 ขัดเกลาให้กล้าแกร่ง
ในปี 2018 ด้วยเหตุการณ์ของไทยลีก ที่ต้องการปรับจาก 18 ทีม ให้เหลือ 16 ทีมในซีซั่นถัดไป เท่ากับว่าการตกชั้น 5 ทีมนั้น เข้มข้นและดุเดือดอย่างมากเลยทีเดียว นั่นทำให้เด็กน้อยในวัย 18 กะรัต อาจจะยังไม่มีสิทธิ์มากนักในการทะลุไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ สก็อตต์ คูเปอร์
อย่างไรก็ตามเวที ที 4 นี่แหละที่เขาได้รับโอกาสจาก “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ที่รับบทกุมบังเหียน แม้ว่าเกมแรกจะยังไม่ได้เล่นแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทว่าจากนั้นก็ได้ลงเล่นในเกมที่สองและยึดตัวจริงเรื่อยมา แถมยังได้เล่นกับรุ่นพี่ที่กรุงเทพคริสเตียนอย่าง ฝาแฝด “อักษรศรี” ทั้ง “โชแปง-ทิตาวี” และ “ปาแปง-ทิตาธร” ไปจนถึง ศรันยู อินต๊ะราช, ธรรมรัตน์ แว่นมณี, สิทธิโชค ทัศนัย
“ผมมาลงเล่นในเกมที่สองของ ที 4 ตอนนั้นเราเจอกับ โดม เอฟซี ซึ่งพี่อ้นกับพี่เปิ้ล เป็นโค้ชให้กับทีมชุด บี ครับ ก่อนที่จะได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และก็มีขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ของฟุตบอลถ้วยบ้าง โดยเฉพาะการเจอกับ ชัยนาท ฮอร์นบิล ซึ่งลงไป 20 นาทีสุดท้าย ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ”
2019 จุดเปลี่ยนสำคัญ
การจบอันดับที่ 15 ของโปลิศ เทโร เอฟซี ในไทยลีก 2018 ทำให้พวกเขากลายเป็น 1 ใน 5 ทีม ที่ตกชั้นไปเล่นที 2 และถือเป็นการร่วงหนแรกในรอบ 22 ปี ตามประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกด้วย ทว่านี่แหละคือจุดเปลี่ยนในชีวิตการค้าแข้งของลูกชายคนรอง “โค้ชแต๊ก”อรรถพล ปุษปาคม ก็ว่าได้
“ตอนแรกๆผมเองก็ยังซ้อมอยู่กับทีม บี ครับ เพราะเราเองยังเล่นในที 4 อยู่ เผอิญว่ามีกองกลางรุ่นพี่คนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ พี่อ้น (รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค) ก็เรียกให้ผมขึ้นมาซ้อมกับชุดใหญ่ ก่อนที่จะมีการลงทีมเกิดขึ้น ซึ่งพี่อ้นก็บอกให้ผมเตรียมพร้อมให้ดี เพราะอาจจะใช้ในเกมออกไปเยือน หนองบัว พิชญ”
และในเกมเยือน หนองบัวฯ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2019 อดีตกองกลางทีมชาติไทยซ้ายพิฆาต ก็ใช้งาน “เจ้าบอส”กนกพล ปุษปาคม จริงๆ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ทีมบุกไปชนะ 2-0 จนยึดตัวจริงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อมกับมีส่วนช่วยให้ทีมกวาด 63 คะแนน จบใน ที 2 ด้วยการเป็นรองแชมป์ ก้าวสู่ไทยลีก 2020 อย่างสง่าผ่าเผย
ขอพร “คุณพ่อแต๊ก” ทุกครั้งทั้งซ้อมและแข่ง
สิ่งที่สำคัญที่สุดของดาวเตะรายนี้ ก็คือ การที่จะต้องแบกรับความกดดันจากนามสกุล “ปุษาปาคม” เพราะว่าเมื่อ 18 ปีก่อน คุณพ่อของเขาได้พาทีมแห่งนี้ที่ใช้ชื่อเดิมว่า บีอีซี เทโรศาสน ก้าวไปเป็นรองแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างไรก็ตามเขาเองกลับมีความสุขทุกครั้งในการลงสนามภายใต้ชุดเกราะ “มังกรโล่ห์เงิน”
“บอกตามตรงเลยว่า ผมภูมิใจครับที่ได้เล่นให้กับทีมนี้ เพราะเป็นส่โมสรที่ผมคิดมาตลอด เนื่องจากคุณพ่อ (อรรถพล ปุษปาคม) พาทีมนี้ไปไกลมากของถ้วยเอเชียในเวลานั้น รวมทั้งผมเองก็อยากจะทำเพื่อครอบครัว พร้อมกับพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นลูกโค้ชแล้วเราไม่ได้เป็นเด็กเส้นเสมอไป”
“ในช่วงก่อนลงสนามไม่ว่าจะเป็นการซ้อมหรือแข่งขัน ผมจะคิดถึงคุณพ่ออยู่เสมอๆ เวลาก่อนเข้าสนามก็บอกให้คุณพ่อมาเชียร์ข้างสนามด้วย เพื่อคอยช่วยผมเป็นกำลังใจให้ผมในทุกๆเกม ซึ่งในปีนี้ผมเองก็หวังลึกๆอยากจะพาทีมติด 1 ใน 6 หัวตารางให้ได้ แต่เราก็ต้องโฟกัสทีละเกมเหมือนที่พี่อ้นบอกเอาไว้ อย่างไรก็ตามผมเองก็ต้องขอบคุณพี่ๆและสตาฟฟ์โค้ชทุกคน ที่คอยชี้แนะทุกอย่างในการเล่นจนผมมีวันนี้ครับ”
ติดเยาวชนทีมชาติไทยมาแล้ว
ในช่วงแรกที่จบจากรุงเทพคริสเตียน พร้อมกับได้รับสัญญาอาชีพจาก โปลิศ เทโร เอฟซี เขาถูกจับตามองจากทีมเยาวชน ทีมชาติไทย อย่างมาก โดยเฉพาะในชุดที่มี อิสสระ ศรีทะโร กุมบังเหียนให้กับทีม ยู 19 และเขาเองก็ได้เป็น 1 ใน 25 ขุนพลก่อนตัดเลือ 18 ผู้เล่นลุยรายการพิเศษที่บรูไน เมื่อปี 2018
แม้สุดท้ายแล้ว “เจ้าบอส”กนกพล ปุษปาคม จะไม่ได้เป็น 1 ใน 18 นักเตะของทีมชุดนั้น ที่มี สิทธิโชค ภาโส หัวหอกจากชลบุรี เอฟซีนำทัพ แต่ว่าเขาเองก็ไม่เคยท้อกับการฝึกซ้อมและลงสนามแข่งขัน กระทั่งในปีเดียวกันกับมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 เขาก็ถูกขอพาสปอร์ตเข้าไปสู่ทีมชาติไทย
ทว่าด้วยวัย 19 ปี ทำให้ “โค้ชโย่ง”วรวุธ ศรีมะฆะ เทรนเนอร์ใหญ่ในเวลานั้น ยังมองว่าประสบการณ์ของเขายังคงไม่กล้าแกร่งพอ จึงเลือกมิดฟิลด์อย่าง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, รัตนากร ใหม่คามิ, สุภโชค สารชาติ, นพพล พลคำ, และสรรเสริฐ ลิ้มวัฒนะ ไปแทน แต่เวลานี้อายุของ “เจ้าบอส”เพิ่งจะ 20 เท่านั้น โอกาสในการลุยซีเกมส์ กับ เอเชียน เกมส์ ก็ยังมีอยู่เช่นกันหากว่าทำผลงานอย่างเจิดจรัสแบบต่อเนื่อง
ติดตมข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ :: ข่าวฟุตบอล ใหม่สด ทุกวัน