ปฏิรูป “ผีแดง” อย่างไรให้กลับมารุ่งเรือง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมขวัญใจมหาชน ประเดิมสนาม
ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-21 ได้ย่ำแย่สิ้นดี
โดนทีมรองบ่อนอย่าง “ดิ อีเกิ้ลส์” คริสตัล พาเลซ บุกมาจิกเอาชนะไปแบบสบายเท้า 3-1 แม้หลายคนอาจมองว่านี่เพิ่งเป็นการออกสตาร์ทนัดแรก แต่เชื่อว่าแฟนๆ “ผีแดง” อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของสโมสรอย่างเร่งด่วน เพราะที่ผ่านมา ยูไนเต็ด ดูห่างไกลความเจริญ ไม่มีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นแชมป์ และนับวันจะยิ่งตามหลังคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง อริตลอดกาลอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ออกไปทุกขณะ ส่วนจะมีวิธีไหนที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ลืมตาอ้าปากได้บ้างนั้น ลองไปติดตามกันดู
หมดเวลา เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอ “Slow Life”
เอ็ด วู้ดเวิร์ด ถือเป็นเป้าโจมตีลำดับแรกๆ ทุกครั้งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้น่าผิดหวัง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็ในเมื่อนับตั้งแต่ วู้ดเวิร์ด ขึ้นมานั่งแท่นครองตำแหน่ง รองประธานฝ่ายบริหาร แทน เดวิด กิลล์ เมื่อปี 2012 ซีอีโอวัย 48 ปี พาทีมเป็นแชมป์เมเจอร์ได้เพียง 4 รายการ ได้แก่ พรีเมียร์ลีก , เอฟเอ คัพ , ลีก คัพ รวมถึง ยูโรป้า ลีก อย่างละสมัย และไม่ต้องไปนับรวมถาดแชมป์การกุศลอย่าง คอมมูนิตี้ ชิลด์ ที่ได้มาอีก 2 ครั้ง ซึ่งเกียรติยศเหล่านี้ดูน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับระยะเวลาและมาตรฐานของสโมสรฟุตบอลระดับโลกอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด
โดย วู้ดเวิร์ด มักโดนแฟนๆ ตำหนิในเรื่องการบริหารจัดการ ตั้งแต่ขวบปีแรกตอนเข้ามาทำงาน นักเตะคนแรกที่เขาดึงมาเสริมทัพให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คือ มารูยาน เฟลไลนี่ มิดฟิลด์หัวฟูที่ไปทุ่มคว้ามาจาก เอฟเวอร์ตัน ซึ่งนี่คือดีลที่โดนสื่อเมืองผู้ดีล้อว่าเป็นการเซ็นสัญญายอดแย่ จนมาถึงปัจจุบัน วู้ดเวิร์ด ก็ยังคงทำงานแบบ “สโลว์ ไลฟ์” ขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวช้าเสียเหลือเกิน เพิ่งจะเสริมทัพให้ทีมไปแค่รายเดียว นั่นก็คือ ไปดึง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค มาจาก อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งมิดฟิลด์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ยิงประตูได้ด้วยในนัดเปิดตัว แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ “ผีแดง” รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ต่อ คริสตัล พาเลซ
หลังเกม แฟนบอล หรือแม้แต่นักเตะยูไนเต็ด อย่าง ลุค ชอว์ ออกมากระตุ้นให้บอร์ดบริหารเร่งแต่งทัพในการสู้ศึกเป็นการด่วน ยังมีเวลาถึงวันที่ 5 ตุลาคม ต้องดูว่า วู้ดเวิร์ด จะขยับตัวหรือไม่ ซึ่งกรณีของ จาดอน ซานโช่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องรีบตัดสินใจในการทุ่มเงินตามที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องการหลัก 120 ล้านยูโร หรือกว่า 4,320 ล้านบาท เพราะดูแล้วทีมต้องการตัวรุกอย่าง ซานโช่ จริงๆ ในการขับเคลื่อนเกม นอกเหนือจากไปพึ่งการวางบอลของ บรูโน่ แฟร์นานเดส
อีกทั้ง “ผีแดง” ต้องจริงจังกับการหาปราการหลังตัวกลางมาจับคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เนื่องจาก วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เขาไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ก็ในเมื่อมีส่วนในการเสียทั้ง 3 ประตูของทีมให้แก่ “ดิ อีเกิ้ลส์” งานนี้ถ้า วู้ดเวิร์ด ทำเป็นมองไม่เห็นจุดอ่อนตรงนี้ ทู่ซี้จะให้ โซลชา ใช้งาน ลินเดเลิฟ ต่อไป หรือแม้แต่เลือกใช้บริการ คริส สมอลลิ่ง ที่ดึงตัวกลับมาจาก โรม่า ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม ที่สำคัญ ยูไนเต็ด มองหาอะไหล่ในส่วนของแบ็กขวาไว้บ้างก็ดี ในเมื่อ ตีโมตี โฟซู เมนซาห์ ไม่มีคุณสมบัติที่จะทดแทน อารอน วาน-บิสซาก้า ได้เลย
นอกจากนี้ในส่วนของตัวกุนซือ วู้ดเวิร์ด ก็โดนโจมตีมาตลอดว่า ทำไมถึงไม่สามารถนายใหญ่เข้ามาสืบทายาท เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เสียที หลุยส์ ฟาน กัล ก็แล้ว โชเซ่ มูรินโญ่ ก็แล้ว จนมาถึง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ซึ่งแฟนๆ ยูไนเต็ด หลายคนเริ่มมองว่า อดีตดาวยิงหน้าทารกของทีม ไม่ใช่ “ซูเปอร์ซับ” ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรในโรงละครแห่งความฝันได้ดีขึ้นแน่ ที่สำคัญในตลาดยังมีกุนซือคนหนุ่มน่าสนใจอย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ หรือว่าจะเป็นจอมเก๋าอย่าง มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ให้เลือกสรร ซึ่งก็น่าจะดีกว่า โซลชา แน่นอน
หากุนซือที่ใช่ ที่ไม่ใช่ “โซลชา”
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กลายเป็นอีกหนึ่งเป้าที่โดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถึงแม้ กุนซือวัย 47 ปี จะมาแรงแซงทางโค้งพา แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้าคว้าชัยจนทีมขึ้นไปจบอันดับ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีก เมื่อซีซั่นก่อน ซึ่งเป็นเพียงหนที่ 2 เท่านั้นที่ “ผีแดง” จบท็อปทรีได้ นับตั้งแต่ที่ท่านเซอร์ วางมือไปเมื่อปี 2013
แต่อย่าลืมว่าภารกิจของกุนซือ “ผีแดง” มันมีเป้าใหญ่กว่านั้น ซึ่ง โซลชา ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า เขาไม่ใช่กุนซือที่แก้เกมเก่งแต่อย่างใด การพลิกแพลงตัวผู้เล่นในสนาม แท็คติกอะไรต่างๆ ยังห่างไกลกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด หลายๆ คน อีกทั้งด้วยคาแรคเตอร์ โซลชา ไม่ใช่พวกมีปากมีเสียง น้อยครั้งที่จะเห็นโค้ชรายนี้ออกมาโวยใส่ลูกทีมข้างสนาม เหมือนกับที่ “ป๋าเฟอร์กี้” พยายามกระตุ้นลูกทีมให้ตื่นตัวอยู่ตลอด จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมทุกวันนี้ถึงเห็นนักเตะยูไนเต็ด ยังเดินเล่นถึงแม้ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง หรือยังได้เปรียบคู่แข่งไม่ได้ อีกทั้ง โซลชา ไร้ซึ่งจิตวิทยาในการกดดันผู้ตัดสิน เป็นกุนซือที่ไม่มีปากมีเสียงอะไรเลย ดูแล้วไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวงที่ โซลชา จะคุมบังเหียน “ผีแดง” ฟาดฟันกับเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งในพรีเมียร์ลีก และเวทียุโรป
ยูไนเต็ด ยังขาดผู้นำในสนาม
จากอดีตนอกจากเห็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตะโกนแหกปากอยู่ข้างสนาม ในสนาม แมนฯ ยูไนเต็ด เคยมีผู้นำมาโดยตลอด ไล่ตั้งแต่ยุคกัปตันทีม สตีฟ บรูซ , เอริค คันโตน่า , รอย คีน หรือแม้แต่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่เป็นปากเป็นเสียงให้ทีมตลอดเมื่ออยู่ในสังเวียนแข้ง แต่ ณ ปัจจุบัน “ผีแดง” หาได้มีนักเตะแบบนั้นไม่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ สวมปลอกแขนกัปตันทีมก็จริง แต่จะว่าไปราศียังไม่จับเท่าไหร่ แถมเพิ่งมีคดีความทำร้ายร่างกายที่กรีซ อีกต่างหาก หากจะมองไปที่ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ค่าตัวค่าเหนื่อยแพงมหาศาล ก็ไม่มีคุณสมบัติตรงนี้เลย ในทางกลับกันยังเคยป่วน คิดทรยศตีจากทีมด้วยซ้ำไป หรือหากเล็งที่จะไปพึ่งพา มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งตั้งหน้าตั้งตาเล่นฟุตบอลอย่างเดียว คงใช่เรื่อง เนื่องจากวัยวุฒิ แรชฟอร์ด ก็ยังไม่เข้าข่ายการเป็นผู้นำอยู่แล้ว ดังนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากต้องหาแข้งรายใหม่เข้ามาเสริม ยังต้องพยายามหานักเตะที่มีความเป็นผู้นำ มาช่วยกระตุ้นทีมอีกแรง มิเช่นนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าว่าแต่กลับไปลุ้นบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกกับ ลิเวอร์พูล หรือ แมนฯ ซิตี้ มันมีโอกาสสูงที่พวกเขาจะโดนทีมอย่าง เชลซี , อาร์เซนอล , ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ หรือแม้แต่ เลสเตอร์ ซิตี้ และ วูลฟ์แฮมป์ตัน แซงหน้าในไม่ช้าไม่นานนี้ ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะปฏิรูปทีมไปในรูปแบบใดต่อไป
ติดตามข่าวสารได้ที่ :: ข่าวฟุตบอล ใหม่สด ทุกวัน
บทความข่าวฟุตบอล :: อ่านบทความฟุตบอลก่อนหน้านี้
เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี