“ดีโอโก้ โชต้า” อนาคตใหม่หงส์แดง
แม้แนวรุกถือว่าเฉียบคมอยู่แล้ว เมื่อมี 3 ประสานแดนหน้าอย่าง
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คอยประสานงาน ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่
แต่ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน มองการณ์ไกลด้วยการให้บอร์ดบริหารจ่ายเงิน 41 ล้านปอนด์ หรือกว่า 80 ล้านบาท บวกอ๊อปชั่นอีก 4 ล้านปอนด์ กระชาตัว ดีโอโก้ โชต้า มาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เพื่อนร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งวันนี้ Football Moment จะพาไปทำความรู้จักกับตัวรุกทีมชาติโปรตุเกส ที่ไม่ใช่แค่อาวุธใหม่ “หงส์แดง” แต่ดาวเตะวัย 23 ปีผู้นี้จะเข้ามาเป็นความหวังใหม่ให้แก่ ลิเวอร์พูล ต่อไปด้วย
จุดเริ่มต้นบ่มฝีเท้ากับทีมจอมปั้นดาวรุ่ง
ดีเอโก้ โชเซ่ เตเซร่า ดา ซิลวา หรือเรียกสั้นๆ ว่า “โชต้า” เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ปี 1996 ถือเป็นหนุ่มน้อยที่โชคดีได้สานฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เมื่อ อิสซาเบล คุณแม่ และ โชอาควิม ผู้เป็นพ่อ ให้การสนับสนุน โชต้า เป็นอย่างดี เด็กน้อยจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ จนกระทั่งอายุ 9 ขวบ ก็ได้ไปอยู่กับสโมสรเล็กๆ ในเมืองปอร์โต้ ด้วยฝีเท้าที่เก่งเกินวัย ทำให้ โชต้า เลื่อนระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ในปี 2013 โชต้า ก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ได้ไปร่วมทัพ ปากอส เดอ แฟร์ไรร่า สโมสรที่ให้โอกาสดันดาวรุ่งขึ้นมาประดับวงการลูกหนังแดนฝอยทอง โดย รูเบน คาร์วัลโญ่ โค้ชทีมชุดยู 17 ปี เล่าย้อนให้ฟังถึงวันแรกที่ โชต้า ลงสนามเกมแรกให้ทีม ฝากผลงานซัดไป 3 ประตู และในวันถัดมา โชต้า ถูกเปลี่ยนตัวลงมายิงไปอีก 2 ประตู นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ คาร์วัลโญ่ ไม่รอช้าที่จะผลักดัน โชต้า ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
ซึ่ง โชต้า สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ทำประตูให้ ปากอส เดอ แฟร์ไรร่า ในเกมลีกพรีไมร่า ลีก้า และเจริญรอยตาม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตแข้งสตาร์ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดที่เบิ้ลสกอร์ได้ในการลุยลีกโปรตุกีส แค่ขวบปีแรก โชต้า ทำผลงานซัดไป 14 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ ในการลงสนามให้ทีมในฤดูกาล 2015-16 ก่อนที่ โชต้า จะถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของลีกสูงสุดแดนฝอยทอง ในวัย 19 ปี
โอกาสสำคัญในสโมสรปอร์โต้
จากการแจ้งเกิดกับ ปากอส เดอ แฟร์ไรร่า ทำให้ โชต้า โดนทาง แอตเลติโก้ มาดริด ทีมดังกระชากตัวไปลุยศึกลา ลีก้า สเปน แต่ด้วยการที่อายุยังน้อย ตามสูตร “ตราหมี” จัดการส่งตัว โชต้า กลับมาลุยลีกบ้านเกิดกับสโมสรใหญ่อย่าง เอฟซี ปอร์โต้ ซึ่งที่นั้น โชต้า ได้โอกาสพัฒนาฝีเท้าอย่างชัดเจน แถมได้ประสบการณ์ครั้งสำคัญในการลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และก็ทำประตู เลสเตอร์ ซิตี้ ของอังกฤษ ได้ด้วยจากชัยชนะ 5-0 ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงให้ ปอร์โต้ ในศึกฟุตบอลยุโรปถ้วยใบใหญ่ ด้วยวัยเพียง 20 ปี
เมื่อหมดสัญญายืมตัว 1 ปี โชต้า ชีพจรลงเท้าย้ายไปเล่นให้ วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในลีกรองของอังกฤษ (สมัยนั้น) และก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม จนทีม “หมาป่า” ต้องยอมจ่ายเงินให้ แอต.มาดริด 14 ล้านยูโร ดึงตัวมาร่วมงานแบบถาวร ซึ่งในถิ่นโมลินิวซ์ กราวน์ โชต้า ได้กลับมาร่วมกับ รูเบน เนเวส ดาวรุ่งทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งสนิทสนมกันตอนไปเล่นที่ ปอร์โต้
โดย เนเวส เป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้าง โชต้า เสมอ ยามที่แฟนๆ ปอร์โต้ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลือกเชื่อ จอร์จ เมนเดส ซูเปอร์เอเย่นต์ ย้ายไปเล่นให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน แต่เมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย โชต้า นำทัพ “หมาป่า” คว้าแชมป์เดอะแชมเปี้ยนชิพ ขึ้นมาลุยพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ด้วยผลงานการซัดไป 17 ประตู จากนั้น โชต้า ไม่ได้หยุดสร้างชื่ออยู่แค่นั้น เขายังกลายเป็นนักเตะวูล์ฟส คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำแฮตทริกได้ในพรีเมียร์ลีก รวมถึง มีส่วนสำคัญในการพาทีมไปลุยศึกยูโรป้า ลีก ได้อีกต่างหากเมื่อฤดูกาล 2019-20 ที่ผ่านมา
กราฟชีวิตนักเตะช่วงขาขึ้น
การก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดในเวทีใหญ่ฟุตบอลอังกฤษ ทำให้ โชต้า ได้รับการจับตามองจากทีมใหญ่ๆ แต่ที่สุดแล้ว ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่มือไวสุด จัดการคว้าตัว โชต้า เข้ามาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 41 ล้านปอนด์ บวกอ๊อปชั่นตามผลงานนักเตะอีก 4 ล้านปอนด์ โดย โชต้า ประเดิมลงสนามเป็นสำรองในเกมที่ “หงส์แดง” บุกจิก ลินคอน ซิตี้ ทีมรองบ่อน 7-2 ในฟุตบอลถ้วยอีเอฟแอล คัพ หรือ คาราบาว คัพ
จากนั้น เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ส่ง โชต้า ลงไปสัมผัสเกมอีกครั้ง คราวนี้เป็นบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก เจอกับ อาร์เซนอล ในเกมมันเดย์ไนท์ และดาวเตะโปรตุกีสก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง โชว์สกิลการพักบอลด้วยหน้าขาก่อนซัดด้วยเท้าขวาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้ “หงส์แดง” เปิดรังบดชนะ “ปืนใหญ่” ไปอย่างสวยงาม 3-1 เก็บ 9 คะแนนเต็มจาก 3 นัด ขึ้นไปนั่งเป็นรองจ่าฝูง โดย “แชมป์เก่า” มีประตูได้-เสีย เป็นรอง “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงเท่านั้น
นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่สวยงามกับต้นสังกัดใหม่ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าการที่ คล็อปป์ ดึงตัว โชต้า มาสวมยูนิฟอร์ม “หงส์แดง” ครั้งนี้ หาใช่ตัวเสริมแต่อย่างใด ในอนาคตอันใกล้นี้ ถ้ายังรักษาฟอร์ม เค้นพรสวรรค์ออกมาได้เรื่อยๆ โชต้า จะขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้อย่างแน่นอน ในวันที่ซูเปอร์สตาร์อย่าง โม ซาลาห์ , ซาดิโอ มาเน่ หรือ โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ คนใดคนหนึ่งเลือกย้ายทีมออกไป ส่วนในนามทีมชาติ โชต้า โชคดีที่ได้เรียนรู้งานจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์หมายเลข 1 ของโลก ณ ปัจจุบัน เมื่อถึงวันที่กัปตันอำลาทีมชาติไป วันนั้นจะเป็นวันที่ ดีเอโก้ โชต้า จะขึ้นมามีโอกาสแบกความหวังของชาวโปรตุกีสทั้งประเทศต่อไป
ติดตามข่าวสารได้ที่ :: ข่าวฟุตบอล ใหม่สด ทุกวัน
ประวัตินักฟุตบอล :: อ่านประวัตินักฟุตบอลก่อนหน้านี้
เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี